วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2558

เทคโนโลยี web 1.0,2.0 เเละ 3.0

เทคโนโลยี web 1.0,2.0 เเละ 3.0

            web 1.0,2.0 เเละ 3.0 เป็นการแบ่งยุคของ Internet ในตอนนี้อาจแบ่งได้ 2 ยุค และเรากำลังก้าวไปสู่ยุดที่ 3 ในไม่ช้านี้

Web 1.0

     ในยุดแรก Web 1.0 web 1.0 ผู้เข้าชมสามารถอ่านได้อย่างเดียว ( Read-only ) เป็นเทคโนโลยีที่สามารถที่สามารถแก้ไขข้อมูล หน้าตาของเว็บไซต์ได้เฉพาะผู้ดูแลเว็บไซต์ ( Webmaster )เป็นเว็บที่ผู้เข้าเยี่ยมชมไม่สามารถมีส่วนร่วมกับเว็บดังกล่าวได้ ถือว่าเป็นเว็บรุ่นแรกของเทคโนโลยีเว็บไซต์ ส่วนมากจะใช้ภาษา html เป็นภาษาสำหรับการพัฒนา
   

ตัวอย่าง website ได้แก่ 
http://www.teenee.com/




        Web 2.0 web 2.0 ผู้เข้าชมสามารถอ่านและเขียนได้ ( Read-Write ) เป็นเทคโนโลยีเว็บไซต์ที่พัฒนาต่อจาก web 1.0 เป็นเทคโนโลยีเว็บไซต์ที่สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้ เช่น เว็บบอร์ด เว็บบล็อก วิพีเดีย เป็นต้น ซึ่งจะใช้ฐานข้อมูลมาเกี่ยวข้อกับเทคโนโลยีนี้ด้วย



ตัวอย่าง website ได้แก่ 
PANTIP.COM มีวิธีการใช้งานคือ


  • 1.การสมัครสมาชิก
  • 2.การเข้าสู่ระบบเพื่อใช้งานเว็บบอร์ด เช่น การใส่ User Name จากนั้นก็ ใส่รหัส
  • 3.การแก้ไขข้อมูลส่วนตัว
  • 4.การโพสต์ หรือ การสร้างกระทู้คำถาม จากนั้นก็จะมีผู้สนใจหรือผู้รู้เกี่ยวกับการโพสต์มาตอบคำถาม



       web 3.0 ผู้ชมสามารถอ่าน เขียน จัดการ ( Read-Write-Execute ) คือจากที่ผู้เข้าไปใช้อ่าน และเพิ่มข้อมูล ผู้ใช้ก็สามารถปรับแต่งข้อมูลหรือระบบได้เองอย่างอิสระมากขึ้น สำหรับเมืองไทยนั้นจะนำเข้ามาใช้ในอนาคต เทคโนโลยีบางอย่างที่คาดว่าจะถูกนำมาใช้ใน web 3.0 ได้แก่ Artificial Intelligent (AI) เรียกว่า ปัญญาประดิษฐ์ หรือสมองกล,Semantic Web and SOA (Service-oriented architecture)เป็นเรื่องของการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ต่างระบบกัน, 3D หรือ Web3D Consortium เป็นเว็บรูปแบบ 3 มิติ, Composite Applications เป็นการผสมบริการระหว่างกัน เช่น การดึงบริการจากเว็บรูปแบบหนึ่งมาใช้งานในเว็บไซต์รูปแบบอื่นๆ ได้ด้วยเสมือนเป็นเว็ปไซต์เดียวกัน, Scalable Vector Graphic (SVG) เป็นเทคโนโลยีที่เมื่อเราจะย่อหรือขยายรูปภาพก็ไม่แตกเป็นเม็ดๆ,Semantic Wiki เป็นการแสดงข้อมูลของภาพที่เรากำลังอ่านอยู่, Metadata ( Data about Data)เป็นการอธิบายข้อมูลด้วยข้อมูลในเชิงสัมพันธ์กัน

ตัวอย่าง website ได้เเก่
       ที่เห็นได้ง่ายและดีเยี่ยมในการใช้ Web 3.0 เพื่อสร้างความสะดวกให้กับลูกค้าคือ Apple.com รูปสินค้าที่เสนอขายบนเว็บไซต์ของ Apple ทุกรูป จะเห็นข้อความสั้นๆ ปรากฏขึ้นเพื่ออธิบายสินค้าเพียงแค่ชี้เม้าท์ ไม่จำเป็นต้อง click และรอดาวน์โหลดอีกกว่านาทีจึงจะทราบข้อมูลของสินค้าตัวนั้น หรือแม้แต่แคตตาล็อกออนไลน์ของ Amazon ก็เริ่มนำกลยุทธ์นี้มาใช้เพื่อเรียกลูกค้า




ตารางเปรียบเทียบ Web 1.0 2.0 3.0
ตารางเปรียบเทียบ Web 1.0 2.0 3.0
ชนิด ความหมาย ลักษณะ ตัวอย่าง
Web 1.0 ผู้เข้าชมสามารถอ่านได้อย่างเดียว ( Read-only ) เป็นเทคโนโลยีที่สามารถที่สามารถแก้ไขข้อมูลหน้าตาของเว็บไซต์ได้เฉพาะผู้ดูแลเว็บไซต์ ( Webmaster ) ( Webmaster )เป็นเว็บที่ผู้เข้าเยี่ยมชมไม่สามารถมีส่วนร่วมกับเว็บดังกล่าวได้ ถือว่าเป็นเว็บรุ่นแรกของเทคโนโลยีเว็บไซต์ ส่วนมากจะใช้ภาษา html เป็นภาษาสำหรับการพัฒนา Web 1.0 นั้นเป็นเรื่องของการที่ผู้ให้บริการนำเสนอข้อมูลให้กับบุคคลทั่วไป โดยทำในลักษณะเดียวกับหนังสือทั่วไป ที่ผู้อ่านมีส่วนร่วมน้อยมากในการเติมแต่งข้อมูล www.teenee.com
Web 2.0 ผู้เข้าชมสามารถอ่านและเขียนได้ ( Read-Write ) เป็นเทคโนโลยีเว็บไซต์ที่พัฒนาต่อจาก web 1.0 เป็นเทคโนโลยีเว็บไซต์ที่สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้ เช่น เว็บบอร์ด เว็บบล็อก วิพีเดีย เป็นต้น ซึ่งจะใช้ฐานข้อมูลมาเกี่ยวข้อกับเทคโนโลยีนี้ด้วย บุคคลทั่วไปคือผู้สร้างเนื้อหา และนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ จาก Web 2.0 ในเปลือกนัท ทำให้เราเข้าใจว่าในยุคที่ 2 นั้นเป็นเรื่องของการแบ่งปันความรู้ซึ่งกันและกันอย่างแท้จริง โดยการสร้างเสริมข้อมูลสารสนเทศ ให้มีคุณค่าและมีข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด ดังตัวอย่างที่เป็นสิ่งที่ทุกคนคงรู้จักกันดีอย่าง Wikipedia ทำให้ความรู้ถูกต่อยอดไปอยู่ตลอดเวลา ข้อมูลทุกอย่างได้มาจากการเติมแต่งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เกิดจากการคานอำนาจของข้อมูลของแต่ละบุคคลทำให้ข้อมูลนั้นถูกต้องมากที่สุด และจะถูกมากขึ้นเมื่อเรื่องนั้นถูกขัดเกลามาตามระยะเวลายาวนาน www.PANTIP.COM
Web 3.0 ผู้ชมสามารถอ่าน เขียน จัดการ ( Read-Write-Execute ) คือจากที่ผู้เข้าไปใช้อ่าน และเพิ่มข้อมูล ผู้ใช้ก็สามารถปรับแต่งข้อมูลหรือระบบได้เองอย่างอิสระมากขึ้น สำหรับเมืองไทยนั้นจะนำเข้ามาใช้ในอนาคต เทคโนโลยีบางอย่างที่คาดว่าจะถูกนำมาใช้ใน web 3.0 ได้แก่ Artificial Intelligent (AI) เรียกว่า ปัญญาประดิษฐ์ หรือสมองกล,Semantic Web and SOA (Service-oriented architecture)เป็นเรื่องของการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ต่างระบบกัน, 3D หรือ Web3D Consortium เป็นเว็บรูปแบบ 3 มิติ, Composite Applications เป็นการผสมบริการระหว่างกัน เช่น การดึงบริการจากเว็บรูปแบบหนึ่งมาใช้งานในเว็บไซต์รูปแบบอื่นๆ ได้ด้วยเสมือนเป็นเว็ปไซต์เดียวกัน, Scalable Vector Graphic (SVG) เป็นเทคโนโลยีที่เมื่อเราจะย่อหรือขยายรูปภาพก็ไม่แตกเป็นเม็ดๆ,Semantic Wiki เป็นการแสดงข้อมูลของภาพที่เรากำลังอ่านอยู่, Metadata ( Data about Data)เป็นการอธิบายข้อมูลด้วยข้อมูลในเชิงสัมพันธ์กันที่เห็นได้ง่ายและดีเยี่ยมในการใช้ Web 3.0 เพื่อสร้างความสะดวกให้กับลูกค้าคือ www.apple.com/
อ้างอิงมาจากลิงค์
http://www.kroobannok.com/blog/38859
http://rattanasak.jigsawoffice.com/content/content.php?mid=2862&did=340&tid=&catid=103&0
https://www.apple.com/
http://egoweblog.nl/2012/03/19/web-3-0-intelligente-en-semantische-web/
http://www.koala-soft.com/de-web-10-a-web-30
http://www.teenee.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น